9/16/2553

การดูแล-รักษา หนังแท้ หนังเทียม

  
  โดยปกติแล้วกระเป๋าหนังจะแบ่งตามลักษณะของหนังที่ใช้เป็น 2 ประเภทอันได้แก่  หนังสังเคราะห์ ไม่ว่าจะเป็น microfibre , PU หรือ Synthetic ทั่วๆไป  และหนังแท้ คือ หนังจิ้งโจ้ ,  หนังวัวและรวมถึงหนังแกะ  ดังนั้นวิธีการดูแลรักษาหนังแต่ละแบบก็จะแตกต่าง กันออกไปด้วย  เรามาเรียนรู้วิธีการดูแลรักษากระเป๋าแบบที่เป็นหนัง สังเคราะห์กันก่อนค่ะ
 
นังสังเคราะห์


     การดูแล รักษาหนังสังเคราะห์นั้นง่ายที่สุด  กระเป๋าจากหนังสังเคราะห์นั้นจะคืนตัว และมีความหยืดหยุ่นน้อยกว่าหนังแท้  ให้ใช้ผ้าเปียกหมาดๆ ค่อยๆ เช็ดให้สะอาด  ไม่ควรนำไปแช่น้ำหรือซักทั้งกระเป๋านะ   พอเช็ดจนสะอาดแล้ว ให้เช็ดด้วยผ้าหมาดๆ อีกครั้งหนึ่ง   จากนั้นนำไปตากลมไว้จนแห้ง   ห้ามเอาไปตากแดดเด็ดขาดนะคะ   เท่านี้ก็จะช่วยให้ความเหนียวของหนังนั้น กลับมาเหมือนใหม่ได้อีกครั้งค่ะ



คำเตือน   ไม่ควรใช้น้ำยาขัด-เคลือบใด ๆ ทั้งสิ้น  เพราะ จะทำให้สารที่เคลือบหนังสังเคราะห์ เอาไว้เสียสภาพไป  ส่วนใครที่อยากจะกำจัดกลิ่นและสิ่งสกปรกภายในกระเป๋า นั้น  จริงๆ แล้วก็พอจะนำไปตากแดดได้  แต่ต้องเป็นแดดที่ไม่แรงมากและต้องใช้เวลาไม่นาน นะคะ   หรือหากต้องการ clean จริงๆ ส่งซักแห้งอย่างเดียวเลยค่ะ
 
   หนังแท้
  จาก ที่กล่าวมาในข้างต้นนะคะ ว่าหนังแท้นั้นได้แก่ หนังจิงโจ้ หนังวัว และหนังแกะ การดูแล รักษาหนังแท้นั้นอาจจะยุ่งยากกว่าหนังสังเคราะห์สักหน่อย   

     1. ข้อ นี้ต้องจำไว้เสมอเลยนะคะ ว่าหลังจากใช้กระเป๋าเสร็จต้องการเก็บ ให้เอามาทำความสะอาดก่อน ถ้าครั้งใดที่ใช้แล้วเปียกหรือชื้นยิ่งต้องรีบเอา ออกมาทำความสะอาดเลยค่ะ  ไม่ควรจะปล่อยให้กระเป๋าที่เป็นหนังแท้ต้องอยู่กับ ความชื้นนาน ๆ เพราะอาจจะทำให้หนังแท้เสื่อม

     2. จากนั้นให้ใช้ผ้าหมาดๆ เช็ดทำความสะอาดตัวกระเป๋า  พอสะอาดแล้วให้ใช้ผ้าแห้งเช็ดให้แห้งที่สุด

     3. หลังจากแห้งแล้วให้ใช้น้ำยาเคลือบหนัง (แล้วแต่ยี่ห้อ) ทาบางๆ คล้ายฟิล์มเคลือบไว้ประมานครึ่งชั่วโมง  แล้วให้เช็ดออก

     4. การ เก็บรักษาถ้าไม่ได้ใช้ก็เก็บใน Dust bag  และเก็บไว้ในที่ที่ไม่มีความชื้นมากนัก  หรือไม่ก็ให้ใช้ถุงดูดความ ชื้นใส่ไว้ใน Dust bag ด้วยก็ได้นะคะ

คำเตือน  ไม่ควรตากแดดแรงๆ และนานๆ เพราะจะทำให้หนังแห้งและกรอบได้   รวมถึงไม่ควรให้อยู่ในสภาวะที่มีความชื้นนานๆ   กระเป๋าจะขึ้นราได้ค่ะ

9/11/2553

สปาผิวง่ายๆด้วยตัวคุณเอง


   ถ้าคุณอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศในบ้านให้เป็นสปาแบบง่ายๆ เพื่อใช้เวลาในวันว่างโดยไม่ต้องไปเสียเงินแพงๆ ก็น่าจะทำเองได้ไม่ยาก เพียง แต่จัดบริเวณที่ชอบที่สุด เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องนอน หรือห้องน้ำ เก็บกวาดให้สะอาด ตกแต่งบรรยากาศด้วยต้นไม้ดอกไม้ หรือหาอ่างน้ำลอยกลีบดอกไม้มาวางสักใบก็ให้บรรยากาศชุ่มเย็นดี อาจหยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบลงไปบนเตาอุ่นให้ร้อนจนกลิ่นหอมฟุ้งกระจายทั่วห้อง เติมสีสันอีกนิดด้วยเสียงเพลงบรรเลงเบาๆ ช่วยผ่อน-คลายจิตใจให้สบาย จัดการอาบน้ำ ล้างหน้า ชำระร่างกายให้สะอาดสดชื่น ก่อนจะเริ่มการบำบัดโดยการนวดให ้กันและกัน หรือทำสปาบำรุงผิวด้วยการบรรเลงสิ่งต่างๆ ลงบนผิวตัว ผิวหน้า และเส้นผมของคุณเองตามที่เราจะแนะนำต่อไปนี้
 
คุณค่าจากธรรมชาติที่คุณหาได้ใกล้มือ

 
ขมิ้นชัน สีเหลืองอมส้ม ที่นิยมนำมาทำแกงเหลือง หรือแกงปักษ์ใต้ มีฤทธิ์ร้อนในตัวเอง จัดเป็นพระเอกของการรักษาผิว ช่วยลบจุดด่างดำทำให้ผิวเปล่งปลั่งเนียนขึ้น บรรเทาผดผื่นคันทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ และช่วยรักษาสิวทำให้สิวสุกและแห้งเร็ว สามารถใช้ได้ทั้งแบบแห้งและเปียก

แบบแห้ง นำขมิ้นชันมาปอกเปลือก แล้วฝานเป็นแผ่นบางๆ นำมาทาที่ผิวบริเวณที่เป็นผดผื่่นคันโดยตรง ทิ้งไว้ประมาณ 30-60 นาทีค่อยล้างออก หากต้องการเก็บไว้นานก็นำไปตากแห้งแล้วค่อยบดให้ละเอียดจนเป็นผงใช้ทาบนผิว หรือผสมกับสมุนไพรอื่นๆ

แบบเปียก มาขมิ้นชันมาคั้นกับน้ำ ผสมดินสอพอง มะขามเปียก ใช้ขัดหรือพอกผิวได้ หรือต้มกับน้ำ ผสมเป็นน้ำอาบ หรือลงไปแช่ทั้งตัวก็ได้
ดินสอพอง ที่เรานิยมเอามาประแป้งกันในวันสงกรานต์ ทำจากดินขาวหรือเกาลินที่มักจะนำมาผ่านกระบวนการอบร่ำกับกลิ่นดอกไม้มาแล้ว เป็นแป้งที่มีความเย็นจึงช่วยบรรเทาผดผื่นได้ หรือทำเป็นดินพอกหน้า ช่วยกระชับรูขุมขนให้ผิวเรียบเนียนขึ้นไม่แพ้ครีมพอกหน้าที่ขายกันแพงๆ (หากสังเกตดีๆ จะเห็นส่วนผสมที่ทำจากดินเกาลินเหมือนกัน)

  วิธีใช้  ก่อนใช้ควรนำดินสอพองมาอบ หรือคั่วในกระทะให้ร้อนเพื่อฆ่าเชื้อโรค แล้วบดให้ละเอียด ผสมกับผงขมิ้น  ในอัตราส่วน 10 : 1 สำหรับผู้ใหญ่ และ 20 : 1 สำหรับใช้ในเด็ก เวลาใช้นำไปผสมน้ำเย็นจัดพอให้ข้นทาให้ทั่วผิว พอกทิ้งไว้ 15-30 นาที
เหมาะกับคนที่ผิวบอบบางแพ้ง่าย หากผสมกับนมสดจะใช้บำรุงผิวให้นุ่มนวล หรือคนที่ผิวมันหรือผิว
แห้งมากอาจนำดินสอพองที่ผสมผงขมิ้นแล้วมาเติมน้ำผึ้งลงไปสัก 2 ช้อนโต๊ะ พอกหน้าไว้ประมาณ 5-10 นาทีแล้วจึงค่อยล้างออกด้วยน้ำอุ่น จะช่วยปรับสภาพผิวได้ดีขึ้น

น้ำผึ้ง
ในเชิงแพทย์แผนโบราณถือว่าน้ำผึ้งเป็นยาอายุวัฒนะ มีการใช้น้ำผึ้งเป็นตัวประสานเนื้อยาสมุนไพรในการทำยาลูกกลอนมาแต่โบราณ เมื่อใช้กับการบำรุงผิวก็จะแทนมอยสเจอไรเซอร์ ช่วยให้ผิวเปล่งปลั่งชุ่มชื่่นและนุ่มนวล เหมาะกับฟื้นฟูสภาพผิวที่แห้ง แตกเป็นขุย หรือผิวมัน

วิธีใช้ ให้นำน้ำผึ้งประมาณ 3 ช้อนโต๊ะผสมกับดินสอพองหรือผงขมิ้น ครึ่งช้อนชา ใช้แทนครีมนวดหน้า ประมาณ 15 นาทีจึงล้างออก หรือหากต้องการบำรุงผิวเป็นพิเศษ สำหรับคนผิวหน้ามัน ให้เอาน้ำผึ้งผสมไข่ขาวทาให้ ทั่วใบหน้า (เว้นรอบดวงตา) หากผิวแห้ง ใช้น้ำผึ้งผสม ไข่แดง หรือโยเกิร์ต ช่วยบำรุงผิวล้ำลึกถึงผิวชั้นในได้

มะขามเปียก คุณทราบไหมว่ามะขามเปียกเป็นสินค้าส่งออกของบ้านเราไปยังประเทศที่ผลิตน้ำมันเพื่อไปล้างท่อน้ำมัน เป็นข้อยืนยันว่ามะขามเปียกมีสรรพคุณในการทำความสะอาดความมันบนใบหน้าอย่างล้ำลึก ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง โดยเฉพาะจะเหมาะมากกับผู้ใหญ่ที่เริ่มมีริ้วรอยเหี่ยวย่น หรือคนที่เป็นฝ้า ในมะขามเปียกจะมีสาร AHA ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกไป และมีสารเคลือบผิวเป็นฟิล์มบางๆ ช่วยเคลือบเซลล์ที่เริ่มแห้งเพราะสูญเสียความชุ่มชื้น เมื่อใช้เป็นประจำจะค่อยๆ ลบเลือนริ้วรอยได้ และช่วยทำให้ผิวเต่งตึงขึ้น
วิธีใช้ เวลาเราไปซื้อมะขามเปียกจากตลาดจะขายเป็นปั้นๆ ขนาดกำมือ แบ่งมาสักส่วนหนึ่ง ดึงใยและผิวแข็งๆ ออกให้เหลือแต่เนื้อและกากเล็กน้อย ใช้ถูนวดบนผิวหนังเป็น scrub ได้อย่างดี หรือเติมน้ำแล้วคั้นกรองเอาแต่น้ำมะขามให้ได้น้ำประมาณ 1 ถ้วยเล็กๆ นำมาชโลมผิวตัว ถ้าผิวหน้าก็ใช้เพียง 1-2 ช้อนโต๊ะ ทิ้งไว้ 3-5 นาที ค่อยล้างออก

 
มะเขือเทศ ช่วยบำรุงผิวให้นุ่มเนียนใสเป็นสีชมพู โดย ใช้มะเขือเทศสุกลูกโตๆ 1 ลูก แช่ให้เย็น แล้วนำมาฝานเป็นแว่นบางๆ แปะไว้ให้ทั่วผิวหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 30-60 นาทีแล้วจึงล้างออกด้วยน้ำเย็น หรืออาจใช้มะเขือเทศสีดาที่ใช้ทำส้มตำสัก 2-3 ลูก นำมาเจาะแล้วคว้านเอาน้ำข้างในออกมาชโลมผิวหน้า หรือผ่าแบ่งครึ่งแล้วกลับเอาด้านในออกมาคลึงเคล้าไปบนใบหน้าก็ได้

  แตงกวา  เราสามารถใช้น้ำที่คั้นจากแตงกวามาชะโลมที่ผิว เพื่อรักษาความชุ่มชื้นบนใบหน้า และรอบดวงตา โดยเฉพาะช่วงหลังจากตากแดดมานานๆ ทำให้ผิวเย็น  

 วิธีใช้ นำแตงกวา 2 ลูกหั่นเป็นชิ้นๆ แล้วใส่เครื่องปั่นให้ละเอียด ผสมกับน้ำวุ้นว่านหางจระเข้และ้น้ำำผึ้ง ใช้ล้างหน้าแทนสบู่ หรือพอกไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก หรือฝานเป็นแว่นบางๆ วางแปะบนผิวหน้า พอรู้สึกว่าแห้งติดผิวแล้วก็ดึงออกเป็นมาสก์ (mask) ที่ช่วยดึงสิ่งสกปรกและเซลล์ที่ตายแล้วหลุดออกจากผิวหนังไปด้วย เป็นการรักษาความสะอาดในชั้นผิวที่ลึกขึ้น แล้วค่อยล้างน้ำออกเป็นปกติ

 
ว่านหางจระเข้ เป็นพืชสารพัดประโยชน์ ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว เคลือบผิวเพื่อรักษาสมดุลของน้ำและไขมันใต้ผิวหนัง รักษาผิวอักเสบ และผิวที่ถูกไฟไหม้น้ำร้อนลวกได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยปรับสภาพผิวไม่ให้แห้งหรือมันมากเกินไป และรักษาสิว ฝ้า

 
 
วิธีใช้ เมื่อตัดว่านหางจระเข้แล้วแช่น้ำไว้สักครู่ให้ยางเหลืองไหลออกมา ปอกเปลือกแล้วล้างยางออกให้หมด เพราะส่วนนี้มีฤทธิ์กัดผิว นำแต่วุ้นสีขาวด้านในมาหั่นเป็นแผ่นบางๆ ทาบนผิวเป็นประจำช่วยทำให้
ิวพรรณเปล่งปลั่ง หรือบดให้ละเอียดคั้นจนได้น้ำวุ้นชโลมผิวบริเวณที่ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ให้เร็วที่สุด จะช่วยลดการพุพองให้น้อยลง และช่วยสมานผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากใครต้องการแก้สิวฝ้าใบหน้า
ด่างดำ ให้นำวุ้นแปะให้ทั่วใบหน้าพอกไว้จนแห้งประมาณ 30 นาทีเป็นอย่างน้อย แล้วค่อยล้างออก

นอกจากนี้วุ้นของว่านหางจระเข้ก็ยังสามารถนำมาใช้หมักผมได้ ทำให้ผมนุ่มสลวย ในคนที่ผมเริ่มเปลี่ยนสีก็สามารถใช้ส่วนที่เป็นยางสีเหลืองที่ติดเปลือกมาทาละเลงบนเส้นผม ช่วยย้อมให้ผมเป็นสีดำ เงางามยิ่งขึ้น
แต่ต้องระวังควรใส่ถุงมือเวลาทำ เพราะยางเหลืองนี้มีฤทธิ์กัดผิว และเมื่อถูกผิวจะเปลี่ยนเป็นสีคล้ำอาจเกิดรอยด่างดำได้

 น้ำมันมะกอก
สามารถนำมาผสมกับน้ำมันหอมระเหยลิ่นที่ชอบเล็กน้อย แล้วใช้เป็นน้ำมันนวดตัว เพื่อบำรุงผิวให้นุ่มนวลโดยเฉพาะกับคนที่ผิวแห้ง หรือนำมาใช้หมักผมเพื่อบำรุงให้ผมนุ่มสลวยไม่แห้งกรอบ


 
วิธีใช้  ชโลมน้ำมันเล็กน้อยประมาณ 1 ช้อนชาบนเส้นผมแล้วเอา ผ้าขนหนูอุ่นๆ ห่อไว้ เพื่อความร้อนจะได้ช่วยเปิดให้รูขุมขนขยายตัวรับอาหารที่ให้เข้าไปอย่างเต็มที่ หมักทิ้งไว้สัก 15 นาที แล้วค่อยสระออก สำหรับคนที่มีเส้นผมค่อนข้างอ่อนจัดทรงยาก อาจเอาน้ำมันมะกอกตีกับไข่แดงแล้วใช้หมักผมวิธีเดียวกัน โปรตีน และทองแดงในไข่แดงจะเคลือบบนเส้นผมช่วยให้ผมแข็งแรง มีน้ำหนักมากขึ้น

   สูตรทรีตเมนต์ต่างๆ ตามภูมิปัญญาไทยเหล่านี้จะเห็นว่าเป็น การรวมวิธีการบำบัดทั้ง 5 แบบที่กล่าวถึงข้างต้นไว้ด้วย
ันอย่างกลมกลืน คุณสามารถทำได้บ่อยเท่าที่ต้องการ หรือหมุนเวียนเปลี่ยนสูตรต่างๆ กันไป แล้วค่อยล้างออกด้วยการอา้ำบน้ำสระผมตามปกติ 
 
  ในการอาบน้ำ ยังอาจนำ ใยบวบ ที่เป็นเส้นใยธรรมชาติมาใช้แทนฟองน้ำช่วยขัดผิวและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ช่วยทำให้ผิวสะอาดและสดชื่นยิ่งขึ้น

   เมื่อผิวคุณได้รับอาหารอย่างเต็มที่ ก็จะมีสุขภาพดีและแข็งแรง และคุณเองก็ต้องไม่ลืมที่จะรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ เน้นความหลากหลายโดยเฉพาะผักและผลไม้เพื่อเสริมวิตามินและเกลือแร่ให้กับร่างกาย ลดของมันๆ ให้น้อยลง และทำจิตใจให้เบิกบาน สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
อยู่เสมอ

 เท่านี้คุณก็จะได้ประโยชน์จากสปาูตรบำรุงความสวยที่คุณทำได้เองที่บ้านอย่างเต็มที่แล้วล่ะค่ะ


ผิวขาวใส ไม่ยากอย่างที่คิด

 การดูแลผิวขาวใส นั้น ต้องดูแลตั้งแต่วัยรุ่นนะจ๊ะ ว่าคือยิ่งเราดูแลผิวตัวเองเร็วแค่ไหน ยิ่งทำให้ผิวเราดูเด็กมากขึ้นนั้น ไร้ปัญหาริ้วรอยกว่าวันอันควร และยืดความเสื่อมของเซลล์ผิวได้มากขึ้นค่ะ women's blog มี 5 สิ่งที่ควรปฏิบัติ เพื่อช่วยให้ผิวขาว และผิวสวยดูสดใสไปนานๆค่ะ

1.ครีมกันแดด ควรทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านให้ติดเป็นนิสัยนะจ๊ะ เพราะแสงแดดมีรังสีอัลตราไวโอเลต ทำให้ผิวเราเสื่อมได้มากถึง 80%เชียวนะ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวขาวใสของเราเกิดริ้วรอย และเหยี่ยวย่นค่ะ

2.ท่านอน การนอนของคนเราอย่างน้อยต้องใช้เวลาถึง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน สำหรับคนที่ชอบนอนซุกหน้ากับหมอนจะทำให้ด้านที่ตะแคงเข้าหาหมอนเกิดริ้วรอย มากกว่าอีกด้านนึงค่ะ เพราะฉะนั้นเราควรเปลี่ยนท่านอนมาเป็น ท่านอนหงายหรือเลือกใช้หมอนที่อ่อนนุ่ม และเลือกปลอกหมอนที่มีเนื้อผ้าลื่นๆ เช่น ผ้าซาติน เพื่อแก้ปัญหาตรงจุดนี้ และหน้าขาวใสของเราก็จะปราศจากริ้วรอยค่ะ

3. อาหาร ผิวขาวใสมาจากอาหารที่ดี มีประโยชน์ ครบหมดหมู่นะจ๊ะ โดยเฉพาะวิตามินที่ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิว ได้แก่ วิตามินเอ ซี และอีค่ะ อย่างเช่น ผักสดและผลไม้สดค่ะ และเมื่อทานอาหารที่มีประโยชน์แล้ว อย่าลืมดื่นน้ำให้มากๆประมาณ 6-8แก้วต่อวันนะค่ะ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่น สดใสให้แก่ผิวค่ะ
4. พักผ่อน ต้องรู้จักการพักผ่อนให้เพียงพอค่ะ เพราะผิวขาวใสของเรานั้นจะมีได้ ต้องเริ่มมาจากสุขภาพที่ดีนะจ๊ะ ถ้าเราสุขภาพดี แข็งแรง ผิวพรรณของเราก็จะสวย สดใสตามไปด้วยค่ะ

5. ผ่อนคลาย ความเครียดเป็นบ่อเกิดของใบหน้าหมองคล้ำ ริ้วรอย สิว และอื่นๆนะจ๊ะ เพราะฉะนั้น เราควรหาวิธีผ่อนคลายความเครียดบาง อย่างเช่น การนั่งสมาธิ การฟังเพลง เดินเล่น เป็นต้น ก็ช่วยลดความเครียดได้ค่ะ

นี่คือ 5 วิธีง่ายๆเพื่อผิวขาวใสที่คุณก็สามารถทำได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนนะคะ

Tips:
  • การทาครีมกันแดด ควรเลือก SPF ให้เหมาะสมกับการใช้งานและสภาพผิวนะจ๊ะ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุดค่ะ
  • เมื่อต้องออกแดด หรืออยู่กลางแจ้ง ควรสวมหมวก สวมเสื้อผ้า หรือหาเครื่องปกป้องผิวขาวใสบ้างนะจ๊ะ เพื่อไม่ให้ผิวขาวใสกระทบกับแสงแดดโดยตรง
  • ขณะขับรถ หรือเดินทางในที่แดดจ้า ควรสวมแว่นตากันแดดนะค่ะ เพราะถ้าคุณไม่สวมแว่นตากันแดด จะทำให้เราหยีตาโดยที่เราไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยค่ะ
  • สดใสตลอดเวลา ถ้าเราสดใส สดชื่นตลอดเวลา จะทำให้เราเลิกทำหน้านิ่วคิ้วยุ่งๆตลอดเวลา และทำให้ผิวขาวใสของเราดูน่ามองมากขึ้นค่ะ
  • งดการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยนะจ๊ะ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นตัวการสำคัญในการทำลายผิวหนังให้เสื่อมก่อนวัยอันควรค่ะ
  • การอดนอนบ่อยๆ จะทำให้ใบหน้าดูหมองคล้ำ อิดโรย ไม่สดใส และเกิดริ้วรอยก่อนวันอันควรค่ะ

9/10/2553

กินอย่างไร ได้ประโยชน์เต็มๆ

กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์แบบเต็มๆ



           อย่างที่เกริ่นไว้ว่าผักและผลไม้นานาชนิดที่วางขายกันอยู่ตามท้องตลาดนั้น ล้วนมีคุณประโยชน์มากมายที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง แต่หลายคนอาจมองข้ามไป หรือมีวิธีการรับประทานที่ไม่ถูกวิธี จึงทำให้ไม่ได้คุณประโยชน์ที่ซ่อนอยู่แบบเต็ม วันนี้ “women's blog” มีข้อแนะนำสำหรับการรับประทานอาหารให้ได้ประโยชน์

ผักคะน้า
                             
           เริ่มจาก “ผักคะน้า” ซึ่งเป็นผักหาง่ายในท้องตลาด ที่สำคัญคะน้าเป็นผักที่อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินอี แคโรทีนอยด์ และโฟเลต นอกจากนี้ยังมีสาร “ลูทีน” ซึ่ง เป็นสารสำคัญที่พบในเลนส์ตา จากงานวิจัยพบว่า การกินอาหารหรือพืชผักที่มีสารลูทีนสูง เช่น คะน้า จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงของการเกิดโรคต้อกระจกลงได้ถึง 20% เมื่อเทียบกับคนที่ไม่กิน 

นอกจากนี้การกินคะน้าเป็นประจำ ยังช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ กระเพาะอาหาร ปอด และเต้านม อีกด้วย

เห็ดต่างๆ

         ต่อด้วย “เห็ด” ซึ่งมีคุณสมบัติในการป้องกันกระดูกพรุน คนส่วนใหญ่ทราบดีว่าหากขาดวิตามินดีและแคลเซียม จะทำให้กระดูกไม่แข็งแรง ยิ่งอยู่ในวัยสูงอายุ ก็จะยิ่งเพิ่มอัตราความเสี่ยงในการเป็นโรคกระดูกพรุนได้ ล่าสุดนักวิจัยพบว่า การกินอาหารที่มีธาตุทองแดงเป็นประจำ จะช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกได้ และการขาดธาตุทองแดงแม้เพียงเล็กน้อย ก็จะทำให้อาการกระดูกพรุนแย่ลงไปอีก ดังนั้นการกินอาหารที่มีธาตุทองแดงมาก เช่น เห็ด ปู กุ้งมังกร หอยนางรม ลูกพรุน ปลาซาร์ดีน จึงช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน และทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้น

แอปเปิ้ล

         “แอปเปิ้ล” การกินแอปเปิ้ลช่วยให้ปอดแข็งแรง ไม่ว่าจะกินแอปเปิ้ลเขียวหรือแดงก็ตาม เพราะในผลแอปเปิ้ลมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อ “เคอร์ซีทิน” สารตัวนี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอดอย่างได้ผล นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดสมองอีกด้วย 

วิธีการกินแอปเปิ้ลให้ได้สารเคอร์ซีทีนมากที่สุดก็คือ ต้องกินผลสดทั้งเปลือก ซึ่งจะให้ได้รับสาร “เพกทิน” จากเปลือกแอปเปิ้ลเพิ่มขึ้นด้วย สารเพกทินมีคุณสมบัติช่วยลดคอเลสเตอรอลในร่างกาย

         ส่วนคุณสาวๆ ที่ต้องการลดน้ำหนักการกินแอปเปิ้ลจะช่วยให้อิ่มนาน ไม่รู้สึกหิว เพราะในแอปเปิ้ลมี คาร์โบไฮเดรต ที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันทีถึง 75% การกินแอปเปิ้ลสดได้ประโยชน์มากมาย


องุ่น

          ปิดท้ายด้วย “องุ่น” ใครที่อยากเป็นหนุ่มเป็นสาวสองพันปี เรามีวิธีการชะลอความชราด้วยการกินผลไม้ที่หาง่ายๆ เช่น องุ่น และต้องเคี้ยวเมล็ดองุ่นด้วย เพราะในเมล็ดองุ่นมีสาร “โอพีซี” (oligomeric proanthocyanidin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามินซีถึง 20 เท่า และสูงกว่าวิตามินอีถึง 50 เท่า

         องุ่นจึงเป็นผล ไม้ที่ช่วยรักษาสุขภาพจากภายใน ช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวพรรณให้ดูอ่อนกว่าวัย ช่วยชะลอความชรา และเป็นสารต้านมะเร็งที่มีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันโรคหัวใจ และโรคที่เกี่ยวกับจอประสาทตาอีกด้วย


   ทีนี้ก็อย่ามองข้ามผักและผลไม้เหล่านี้นะคะ ประโยชน์ล้นเหลือจริงๆค่ะ



สูตรเด็ด 11 เคล็ดลับหน้าใส

   ยุคนี้สมัยนี้เทรนด์หน้าใสกำลังมาแรงไม่ว่าจะคนหนุ่มสาวหรืออายุจะล่วงเลยวัย กระเตาะมาหลายปีแล้วก็ตาม แต่ใครบ้างล่ะอยากแก่แถมใบหน้ามีแต่ริ้วรอยเหี่ยวย่น หากไม่อยากหน้าแก่ก่อนวัยและคงความหน้าใสให้ยาวนานที่สุดวันนี้เรามี 11 เคล็ดลับวิชาหน้าใสมาฝากกันดังนี้

  1. อย่าถ่างตานอนดึกให้มากนัก ไม่ว่าจะอ่านหนังสือ ดูหนัง ดูละคร หรือทำงานอย่างไม่หยุดพัก ถึงใจยังสู้แต่สังขารอาจไม่ไหว นอนแต่หัวค่ำดีกว่า

  2. ดื่มน้ำมากๆให้ได้วันละ 6 8 แก้ว หรือหากคุณดื่มมากกว่านั้นได้ก็จะเป็นการดี และยิ่งถ้าเป็นน้ำเปล่าก็ยิ่งจะดีใหญ่ หากคุณชอบดื่มน้ำอัดลมก็ดื่มได้เป็นครั้งคราว เพราะถ้าดื่มมากๆ จะทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารและกัดกระเพาะจนคุณปวดท้องได้

  3. ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอและบริหารหน้าด้วยการนวด หรือง่ายๆแค่พูดว่า อา อี เอ โอ อู ออกกำลังกายกล้ามเนื้อหน้า หน้าจะได้ไม่่เหี่ยวย่น

  4. งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ งดน้ำชา กาแฟ งดสูบบุหรี่ เพราะมันจะทำให้คุณแก่เกินอายุค่ะ ถ้าใครเถียงหละก็... ขอท้าให้คุณสูบบุหรี่ ดื่มกาแฟจัดๆ ลองเดินคู่กับเพื่อนที่ไม่ดื่ม ไม่สูบ แล้วถามคนอื่นๆดูว่าคุณกับเพื่อนใครแก่กว่ากัน

  5. อย่าตากแดดเป็นเวลานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแสงแดดที่แรงจัด มิเช่นนั้นหน้าของคุณจะแก่ไม่รู้ตัว หากต้องเผชิญกับแสงแดดอย่าลืมทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน

  6. ใช้โลชั่นอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีความเสี่ยง หรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่จะทำให้แก่ เช่น อยู่แต่ในห้องแอร์ ที่เปิดเบอร์เดียวหนาวจัดตลอดปีตลอดชาติ หากแอร์ของคุณปรับได้ กรุณาปรับอุณหภูมิบ้างเถอะค่ะ

  7. ทำความสะอาดร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งใบหน้าให้สะอาดอยู่เสมอ แล้วยิ่งหากคุณเป็นสิวด้วยแล้วคุณควรใช้โฟมล้างหน้าที่เหมาะสำหรับการรักษา สิวเท่านั้น โฟมที่มีส่วนผสมของ AHA จะช่วยทำให้ใบหน้าของคุณลื่นขึ้น ที่สำคัญห้ามแกะสิวอย่างเด็ดขาด คนที่เป็นสิวเสี้ยนหากยิ่งแกะ ผิวของคุณหลังแกะก็จะคล้ายกับโลกดวงจันทร์ ส่วนบรรดาสิวมีหนองทั้งหลาย หากยิ่งแกะก็จะยิ่งเกิดการอักเสบ สิว เป็นตัวการหนึ่งที่ทำให้ใบหน้าของคุณดูเครียดและแก่ได้โดยเฉพาะบรรดาผิวโลก ดวงจันทร์ทั้งหลาย

  8. หากคุณเป็นคนผิวแห้ง ควรใช้มอยซเจอร์ไรส์ก่อนนอนทุกครั้ง และถ้ามีส่วนใดที่แห้งเป็นพิเศษ ควรใช้โลชั่นที่มี AHA ทาให้ทั่วบริเวณ แต่ถ้าคุณเป็นคนหน้ามัน ควรใช้มอยซเจอร์ไรส์ชนิดเจลจะเหมาะกว่าชนิดครีม

  9. อย่าใช้มือสัมผัส จับ ลูบ ถูใบหน้าในช่วงระหว่างวัน จำไว้ว่างทุกครั้งเมื่อไปถึงที่ทำงานหรือทันทีที่กลับถึงบ้านต้องล้างมือ ก่อนเสมอ เพราะมือของเราจับต้องสิ่งสกปรกเชื้อโรค ฝุ่นละอองต่างๆมาตลอดทั้งวัน และการที่คุณจะเผลอเอามือไปจับหน้าจับตาอาจทำให้สิวขึ้นได้

  10. ล้างเครื่องสำอางออกอย่างระมัดระวัง เพื่อความปลอดภัย ให้คุณล้างมาสคารา หรืออายแชโดว์ ด้วยเครื่องสำอางที่ปราศจากน้ำมัน ทั้งนี้เพื่อมิให้น้ำมันที่ว่าแทรกซึมไปตามผิวหนังส่วนอื่นๆ เพราะอาจจะไปกระตุ้นหรือระคายเคืองผิวให้เกิดสิวขึ้นบนใบหน้าได้

  11. หากมีปัญหาเรื่องผิวบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอะไรก็ตามแต่ ให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ดีกว่าไปนั่งปรึกษาตามเคาน์เตอร์เสริมความงามอย่างแน่นอน


 เคล็ดลับง่ายๆที่คุณก็ทำได้ค่ะ